การปฏิวัติของชาวฟาตมิดในอียิปต์: การทวงคืนอำนาจจากราชวงศ์อิสมาอีลีและความเปลี่ยนแปลงทางศาสนาครั้งใหญ่

อียิปต์ในศตวรรษที่ 11 เป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยความไม่สงบ ชาวอาหรับที่นับถือศาสนาอิสลามเข้าครอบครองดินแดนนี้มาหลายศตวรรษแล้ว แต่การปกครองของราชวงศ์ฟาติมิดที่มุ่งเน้นไปที่ศาสนาชีอะห์ดูเหมือนจะกำลังสั่นคลอน ความขัดแย้งภายในระหว่างชนชั้นสูงและประชาชนธรรมดาเริ่มปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน

ในปี 1064 กลุ่มชาวอียิปต์ภายใต้การนำของ “อับบาซ” ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศาสนานิกายซุนนี่ ได้ก่อตัวขึ้นเพื่อต่อต้านราชวงศ์ฟาติมิดที่ถูกมองว่าเป็นศัตรูทางศาสนา พวกเขามองเห็นโอกาสในการเปลี่ยนแปลงเมื่อ “อัล-มุสตะฮี” ข่านแห่งราชวงศ์ฟาติมิดครองบัลลังก์และเผชิญกับการต่อต้านจากกลุ่มซุนนี่อย่างรุนแรง

การปฏิวัติของชาวฟาตมิดเริ่มต้นขึ้นเมื่ออับบาซและผู้ติดตามของเขาได้รวมตัวกันและโจมตีเมืองหลวงของราชวงศ์ฟาติมิดที่เมืองไคโร พวกเขาได้รับการสนับสนุนจากประชาชนจำนวนมากที่ไม่พอใจกับการปกครองของฟาติมิดและต้องการหันกลับไปนับถือศาสนาซุนนี่

หลังจากการต่อสู้ที่ยาวนานและดุเดือด อับบาซก็สามารถยึดครองเมืองไคโรได้สำเร็จ และราชวงศ์ฟาติมิดก็ล่มสลายลง การปฏิวัติครั้งนี้ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่ออียิปต์

ผลกระทบของการปฏิวัติ

1. การเปลี่ยนแปลงทางศาสนา: การปฏิวัติของชาวฟาตมิดทำให้ศาสนาอิสลามนิกายซุนนี่กลายเป็นศาสนาหลักในอียิปต์ แทนที่ศาสนานิกายชีอะห์ที่เคยครองอำนาจมาอย่างยาวนาน

2. การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง: การล่มสลายของราชวงศ์ฟาติมิดนำไปสู่การสถาปนา “ราชวงศ์อาบบาสซิด” ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่บากแดด อียิปต์กลายเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิอาหรับที่ปกครองโดยราชวงศ์อาบบาสซิด

3. ความเปลี่ยนแปลงทางสังคม: การปฏิวัตินำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางสังคมอย่างกว้างขวาง พวกชาวอียิปต์ที่นับถือศาสนาซุนนี่ได้รับโอกาสในการเข้าถึงตำแหน่งและอำนาจมากขึ้น

4. ความรุ่งเรืองของศิลปะและวิทยาการ: ในช่วงหลังจากการปฏิวัติ อียิปต์ก็ได้กลายเป็นศูนย์กลางทางศิลปะและวิทยาการ อับบาซสนับสนุนการศึกษาและการสร้างมัสยิดและสถาบันการเรียนรู้

การปฏิวัติของชาวฟาตมิดในอียิปต์ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของภูมิภาคตะวันออกกลาง การเปลี่ยนแปลงนี้ได้นำไปสู่การผงาดขึ้นของศาสนาซุนนี่ในอียิปต์ และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและสังคมอย่างรุนแรง