หากพูดถึงเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์รัสเซียในศตวรรษที่ 21 เหตุการณ์หนึ่งที่ไม่ควรพลาดคือ “การประท้วงในปี 2011-2013” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “การปฏิวัติโบลิเชวิคครั้งที่สอง”
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเนื่องจากความไม่พอใจต่อการเลือกตั้งที่ถูกมองว่าเป็นการโกงอย่าง trắngทั้งหน้าของวลาดิมีร์ ปูติน และพรรครัสเซียนยูนิเต็ด ซึ่งได้ชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2012
การประท้วงครั้งนี้เริ่มขึ้นในเดือนธันวาคม 2011 หลังจากที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งจากฝ่ายตรงข้ามอย่างมิไฮล์ กอร์บาเชฟถูกตัดสิทธิ์ในการลงสมัครเลือกตั้งโดยไม่เป็นธรรม การประท้วงได้แพร่กระจายไปทั่วรัสเซีย โดยมีผู้เข้าร่วมนับแสนคน
ผู้ประท้วงเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งที่ยุติธรรม และให้ปูตินลาออกจากตำแหน่ง นอกจากนั้น พวกเขายังคัดค้านการละเมิดสิทธิมนุษยชน และความรุนแรงของรัฐบาล
การประท้วงในปี 2011-2013 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์รัสเซีย เพราะมันแสดงให้เห็นถึงพลังของประชาชนในการต่อต้านระบอบเผด็จการ และเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
สาเหตุของการประท้วง:
-
การเลือกตั้งที่ถูกมองว่าเป็นการโกง: การเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2012 ถูกมองว่าเป็นการเลือกตั้งที่ไม่ยุติธรรม โดยมีรายงานมากมายเกี่ยวกับการทุจริตและการคุกคามผู้สมัครฝ่ายตรงข้าม
-
ความไม่พอใจต่อการปกครองของปูติน: ปูตินได้ครองอำนาจมานานกว่า 10 ปี และมีแนวโน้มที่จะยืดเวลาการดำรงตำแหน่งต่อไป ผู้ประท้วงจำนวนมากต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
-
ความขาดแคลนสิทธิพลเมือง: รัสเซียภายใต้การปกครองของปูตินถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน การ đàn ápสื่อ และการจำกัดเสรีภาพในการแสดงออก
ผลลัพธ์ของการประท้วง:
-
การปราบปรามผู้ประท้วงอย่างรุนแรง: รัฐบาลรัสเซียใช้กำลังตำรวจและทหารในการปราบปรามผู้ประท้วง ซึ่งทำให้เกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิต
-
การติดคุกของผู้นำฝ่ายตรงข้าม: ผู้นำฝ่ายตรงข้ามหลายคนถูกจับกุมและจำคุกในข้อหาต่างๆ เช่น การยุยงให้เกิดความไม่สงบ
-
การเสริมสร้างอำนาจของปูติน: แม้ว่าจะมีการประท้วงอย่างรุนแรง แต่ปูตินก็ยังคงรักษาอำนาจของเขาไว้ได้ และการประท้วงไม่ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่สำคัญ
ตารางแสดงผลกระทบของการประท้วง:
ผลกระทบ | รายละเอียด |
---|---|
การปราบปรามผู้ประท้วง | ผู้ประท้วงหลายคนถูกจับกุม, ถูกทำร้าย และถูกจำคุก |
การติดคุกของผู้นำฝ่ายตรงข้าม | ผู้นำฝ่ายตรงข้าม เช่น Alexei Navalny ถูกจับกุมและถูกจำคุก |
การเสริมสร้างอำนาจของปูติน | การประท้วงไม่ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และปูตินยังคงรักษาอำนาจของเขาไว้ได้ |
บทเรียนจากการประท้วง:
- ความสำคัญของการมีระบบเลือกตั้งที่ยุติธรรมและโปร่งใส
- ความจำเป็นในการปกป้องสิทธิพลเมืองและเสรีภาพในการแสดงออก
- แม้ว่าการต่อต้านระบอบเผด็จการอาจมีความยากลำบาก แต่ประชาชนก็ยังคงมีพลังที่จะเรียกร้องการเปลี่ยนแปลง
การประท้วงในปี 2011-2013 เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนถึงความซับซ้อนและความท้าทายของการเมืองในรัสเซีย แม้ว่าการประท้วงจะไม่ได้บรรลุเป้าหมายในการโค่นล้มปูติน แต่ก็ยังคงเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญในประวัติศาสตร์รัสเซีย เพราะมันแสดงให้เห็นถึงพลังของประชาชนในการต่อสู้เพื่อสิทธิและเสรีภาพของตน